น้ำมันเบรกเป็นส่วนสำคัญของระบบเบรกเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลังไฮดรอลิก จากแป้นเหยียบเบรกแล้ว ยังต้องมีความหนืดที่เหมาะสม คือสามารถใช้ได้ในอุณหภูมิต่างๆ ไม่ว่าร้อนหรือเย็น มีความหนืดที่ยืดหยุ่นได้ และต้องมีจุดเดือดสูงและไม่ระเหยได้ง่าย คุณสมบัตินี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่เป็นตัวบอกว่าน้ำมันเบรกยังคงมีสภาพใช้งานได้อยู่หรือไม่ จุดเดือดสูงก็จะเสื่อมสภาพได้ยากกว่าและทนต่อแรงดันจากการที่เหยียบแรงๆ ต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี
.
จากคุณสมบัติของน้ำมันเบรกจะเห็นได้ว่าจุดเดือดของน้ำมันเบรกเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเวลาเราเหยียบเบรกที่ความเร็วสูงหรือบรรทุกหนัก อุณหภูมิที่ผ้าเบรกและจานเบรกจะสูงมาก ความร้อนดังกล่าวจะถ่ายเทมายังน้ำมันเบรกด้วย ถ้าน้ำมันเบรกมีจุดเดือดต่ำจะสามารถระเหยและกลายเป็นไอได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลัง หรือทำหน้าที่ไฮดรอลิกในระบบเบรกได้ ทำให้เบรกไม่อยู่ เบรกจม หรือเรียกว่า เบรกแตก ได้
.
หากการเบรกไม่อยู่ขณะลงทางชันหรือลงจากเขา ส่วนหนึ่งมาจากน้ำมันเบรกไม่สามารถทนความร้อนจากการเบรกในลักษณะการขับขี่ที่ไม่ถูกต้อง หรือน้ำมันเบรกเสื่อมสภาพ (จุดเดือดต่ำลง) นั่นเอง ดังนั้นการที่ต้องทำให้น้ำมันเบรกมีจุดเดือดสูงนั้น เนื่องจากว่าสารเคมีในน้ำมันเบรกมีคุณสมบัติดูดซับความชื้น ยิ่งในเขตที่มีความชื้นสูง ความชื้นยิ่งมีโอกาสแทรกไปปนอยู่ในน้ำมันเบรกได้ง่ายขึ้น โดยจะทำให้จุดเดือดของน้ำมันเบรกลดลงตามลำดับ
.
และเมื่อมีการดูดซับความชื้นเข้าไปในระบบ (มีน้ำเข้าไป) ผสมก็อาจทำให้เกิดสนิมได้เมื่อใช้ไปนานๆ บางครั้งเมื่อเราเจอปัญหาเรื่องเบรกไม่อยู่ หรือรั่ว ช่างก็จะถอดแม่ปั๊มเบรกออกมาดูจะพบว่าลูกยางตาย เสื่อมสภาพ กระบอกสูบของแม่ปั๊มเบรกเป็นสนิม หรือตามด ถ้าเกิดสนิมตามดเล็กน้อยก็พอที่จะสามารถใช้กระดาษทรายลูบแก้ไขได้ชั่วคราว แต่ถ้ากินจนเนื้อหายก็ต้องเปลี่ยนทั้งแม่ปั๊มใหม่เลยครับ
.
ดังนั้น ผู้ใช้รถควรหมั่นตรวจสอบ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะที่กำหนด ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกทุกๆ 2 ปี หรือ 40,000 กิโล เพื่อความปลอดภัยครับ และTRW ก็มีน้ำมันเบรกที่ได้มาตรฐาน พร้อมจำหน่ายให้กับทุกท่านทุก Dot ทุกประเภทรถเลยครับ สามารถสั่งซื้อได้ที่
>>> Click <<<
.
ขอบคุณความรู้ดีๆจาก gaeglong.com